drama

DRAMA HOLIDAY

Solo Exhibition By Ekarat Aroonrat

On 15 May – 27 June 2021

 

“ …เมื่อเราเติบโตขึ้น โลกที่เรามองเห็นยังเป็นโลกใบเดิมอยู่หรือไม่ ….
เวลาที่ชีวิตกำเนิด ดวงตาของเรายังพร่าเลือน โลกรอบตัวเต็มไปด้วยคำถาม
แต่เมื่อชีวิตเติบโต ดวงตาคู่เดิมกลับเริ่มมองเห็น “ บางสิ่ง ” ชัดเจนขึ้น
แล้วโลกใบนั้นล่ะยังเป็นโลกใบเดิมอีกหรือไม่….”
.
When we grow up, is the world that we see… still the same?
At the beginning of life, our eyes were blurry, the world surrounding us are full of questions.
But when a life grows, the same eyes begin to see “something” clearer.
Is the world that we see… still the same?
ในโลกศิลปะ ดรุณีหรือเด็กหญิงวัยแรกรุ่นมักถูกใช้เป็นสัญลักษณ์สื่อสารความคิดของศิลปิน และหลายครั้งมักเป็นเนื้อหาที่หนักหน่วง สะเทือนใจ ขัดแย้งกับภาพความเปราะบางของช่วงวัยที่อ่อนเยาว์ เช่น ผลงานของ Banksy ศิลปินชื่อก้องโลก เด็กหญิงเอื้อมมือคว้าลูกโป่งรูปหัวใจในงานชื่อ Girl with Balloon, Girl with Umbrella ภาพเด็กสาวเปียกปอนกางร่มที่เต็มไปด้วยสายฝนในร่มนั้น เด็กหญิงถักเปียที่กำลังตรวจตราชุดเครื่องแบบของทหารในภาพ Girl Frisking Soldier และภาพที่สะเทือนใจผู้คนมากมาย เด็กสาวที่กอดระเบิดไว้แนบอกในภาพ Bomb Hugger หรือแม้กระทั่งศิลปินชั้นเอกของไทย ศาสตราจารย์ ชลูด นิ่มเสมอ ก็ปรากฎภาพเด็กหญิงผมสั้นกิริยาสงบเสงี่ยมในเครื่องแต่งกายชนบทที่เป็นภาพจำสำคัญในผลงานของท่านเช่นกัน ซึ่งศาสตราจารย์ชลูด ได้ใช้ภาพเด็กหญิงนี้แทนบันทึกในทุกช่วงชีวิตการทำงานของศิลปิน
นิทรรศการ DRAMA HOLIDAY ปี 2021 โดย ศิลปิน เอกรัตน์ อรุณรัตน์ จัดแสดงจิตรกรรมสีน้ำมันที่ตัวละครหลักเป็นดรุณีน้อยเช่นกัน โดยศิลปินพัฒนาตัวละครหลักนี้มาจากผลงานชุด Yellow Eyes ในปี 2019 ที่เวลานั้นยังเป็นตัวละครเด็กน้อยไร้เดียงสา ในงานชุดนี้เด็กหญิงตัวน้อยเหล่านั้นได้เติบโตขึ้นมาเป็นเด็กสาววัยแรกรุ่นงดงามที่รับรู้เรื่องราวต่าง ๆ บนโลกมาระยะหนึ่ง เป็นช่วงวัยรอยต่อที่เปราะบางต่อสิ่งเร้ารอบข้าง ต้องรับการเปลี่ยนแปลงทั้งเรื่องราวที่น่ายินดีและน่าโศกเศร้า ศิลปินได้แฝงความหมายของเรื่องราวคู่ขนานนี้ด้วยสีสันสดใสที่สะดุดตาในแวบแรก แต่หากมองอย่างพิจารณาจะพบว่าสีสดใสเหล่านั้นถูกเจือด้วยสีหม่นและคู่สีขัดแย้ง เช่นเดียวกับชีวิตที่ยิ่งเติบโตยิ่งต้องเผชิญโลกในแง่มุมที่หลากหลาย ความเข้าใจนั้นคือการรับมืออย่างแข็งแกร่ง ความไร้เดียงสานั้นค่อยๆถูกแทนด้วยตัวตนแท้จริงที่ต้องแสวงหา ภาพลักษณ์งดงามของเด็กหญิงนั้นมีนัยยะที่มากกว่า เมื่อพินิจในรายละเอียดหรือเพ่งมองแววตาของเด็กหญิงกลับสร้างความรู้สึกที่น่าค้นหาและน่าสะเทือนใจในเวลาเดียวกัน เพราะแววตาเหล่านั้นชวนให้ตั้งคำถามว่า แท้จริงแล้ว เธอต้องการอะไร? เธอกำลังคิดสิ่งใด ? รู้สึกอย่างไร? ทุกสิ่งที่ปะติดปะต่อในผลงานแต่ละชิ้นนั้นล้วนเป็นปริศนาที่คำตอบอาจแตกต่างกันไปตามประสบการณ์ของผู้ชม
.
In the world of art, girls or adolescent females are often used to represent artists’ thoughts. Many times, they often involved very heavy and disturbing contents which are quite contrasted with the delicacy of young girls. For example, the artwork of Banksy, a famous graffiti artist, depicted a girl reaching for a red heart balloon in the work named “Girl with Balloon”. Another work called “Girl with Umbrella”, showing a young girl holding up an umbrella with rain pouring on her. A girl with braided hair who are examining a soldier in the artwork called “Girl Frisking Soldier”. A disturbing artwork is “the Bomb Hugger”, showing a girl holding a bomb. Even a renowned Thai artist, Professor Chalood Nimsamer, whose work included a serene girl with short hair wearing local outfit. It is the noticeable image of Chalood’s artworks. He used the girl image to represent every period of his working life.
Drama Holiday , the solo exhibition 2021 by Ekarat Aroonrat exhibits oil paintings that also have little girls as the main character. The artist has developed this main character from his previous series of works named “Yellow Eyes” in 2019 since those girls were still very innocent. In this series, they grew up and has become beautiful teenage girls who have faced the world for some times. This part of their life is fragile to various stimulus since they come across both delightful and unpleasant situations. The artist conceals the meaning of these parallel stories by using bright colours to strike the audience’s eyes. But if you look into those colours carefully, you will see that they were mixed with dull colours and paired with contrasting colours. Same as lives, the older you are the more you have to face with various kinds of situations. Understanding is the way to handle it. Innocence is gradually replaced by the true self that you have to discover. The beauty of a girl has more meaning. When examining in detail or staring into those girls’ eyes, mysterious and disturbing feelings occur at the same time. Those lights from the eyes make people curious of what she truly wants? What is she thinking of? How does she feel? All of things were composed in each painting which is a mystery that ones can find different answers depending on one’s own experience.
วัตถุ สถานที่และทิวทัศน์ที่รายล้อมเด็กหญิงในภาพ ศิลปินหยิบยกจากความเป็นจริงผสมผสานเข้ากับจินตนาการ แต่ละองค์ประกอบสอดแทรกความหมายที่พูดถึงสถานการณ์โลกอย่างคมคาย เช่น สัญลักษณ์สำคัญในโลกตะวันตกที่ซ้อนทับกับความเป็นโลกตะวันออก ดอกไม้พื้นบ้านที่จัดวางได้อย่างมีเสน่ห์แฝงความหมาย รอยสัก กราฟฟิตี้ ของเล่น เครื่องดนตรี เครื่องแต่งกาย งานศิลปะที่โดดเด่นในยุคโบราณและร่วมสมัย เป็นต้น บางสัญลักษณ์เมื่อถูกวางอยู่ข้างกันสะท้อนความหมายบางอย่างที่จับใจ บางสัญลักษณ์ที่เมื่อมาผสมรวมกันกลับสร้างคำถามให้ผู้ชมและสังคมได้ขบคิด
หากเปรียบงานศิลปะของเอกรัตน์เเป็นเรื่องเล่าที่มีเสียง งานของเขามิได้เป็นดังเสียงตะโกนที่เจาะจงเรื่องใดหรือขู่เข็ญให้เชื่อ แต่กลับเป็นดังเสียงที่ฟังแผ่วเบา ขับกล่อมเพลิดเพลิน ให้ผู้ชมได้ตั้งคำถามเชิงวิเคราะห์และในขณะเดียวกันก็เปิดจินตนาการให้กับผู้ชมได้รับสุนทรีย์ รื่นรมย์ไปกับเทคนิค วิธีการ และฝีมือการวาดที่มีคุณภาพ
.
An object, a place and a landscape surrounding the girl in the painting are what the artist selected from truth combining with imagination. Each composition was cleverly inserted with meaning that speak of the world situations. For example, an important symbol of western world overlapping with Eastern world culture; local flowers composed in such a way that are charming and meaningful; tattoo; graffiti; toys; music instruments; clothing; old and modern art pieces. When some symbols are placed side by side, they can express some meaning that capture the audiences’ hearts. On the other hand, some symbols when putting together might cause the audiences and the society to think.
If Ekarat’s artworks were a story telling that has sound, his paintings neither shout out something in particular nor force the audiences to believe in something. On the contrary, they are the sound of whispering that are soothing and enjoyable which enables the audiences to raise critical questions while opens the audiences’ eyes to feel the pleasure and joy together with the techniques, methods and quality of drawings.
เกี่ยวกับศิลปิน
เอกรัตน์ อรุณรัตน์ เกิดในปี พ.ศ. 2513 จบการศึกษาจากคณะจิตรกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร มีผลงานแสดงเดี่ยวครั้งแรกในปี พ.ศ. 2538 หลังจากนั้นได้เข้าร่วมแสดงงานกลุ่มและมีงานแสดงเดี่ยวตลอดอย่างต่อเนื่องจนปัจจุบัน เอกรัตน์ดำรงสถานะศิลปินอาชีพสร้างผลงานทั้งจิตรกรรมและประติมากรรม งานศิลปะของเขามีเนื้อหาที่สะท้อนประสบการณ์ชีวิตพร้อมไปกับการสร้างแง่คิดให้กับคนดู ศิลปินบอกเล่าประวัติศาสตร์ สังคมและวัฒนธรรม เหตุการณ์สำคัญของโลกผ่านตัวละครที่ออกแบบอย่างมีเอกลักษณ์ โดยเน้นที่ภาพชีวิตช่วงวัยเด็กกับการเผชิญโลกแฟนตาซีในรูปแบบ popart สีสันสดใสแต่มีความหมายลึกซึ้งซ่อนอยู่รวมถึงบันทึกอารมณ์ความรู้สึกส่วนตนและแสดงออกอย่างมีชั้นเชิง
.
Ekarat Aroonrat was born in 1970. He graduated from Faculty of Painting, Sculpture and Graphic Arts, Silapakorn University. His first solo exhibition was held in 1995. Since then, he has continuously participated in numerous group exhibitions and exhibited several solo shows. Ekarat has maintained his career as a painting and sculpture artist. His works contain contents which reflect his own experiences and at the same time giving audiences thought provoking perspective. The artist uniquely tells a history, social, culture, and historical events through the main character. He emphasizes on the portrait of childhood life and the adventure of a fantasy world in the form of colourful Pop Art but have a deep hidden meaning, including personal feelings and tactful expressions.
ถ้อยคำศิลปิน
” ชีวิตที่ผ่านไปเหมือนเป็นภาพซ้ำในแต่ละวัน สถานการณ์และสิ่งรอบตัวล้วนเป็นไปตามที่ตาเห็น ความเคยชินทำให้การใช้ชีวิตผ่านไปอย่างว่างเปล่า ขาดจินตนาการ วนเวียนอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบเดิมๆ การรับรู้และเหตุการณ์ต่างๆเป็นไปตามกระแสของความเชื่อที่ถูกจำกัดตีกรอบไว้ตามกฎเกณฑ์ของสังคมนั้นๆ เป็นสังคมที่ยึดติดกับความเชื่อแบบเก่าๆ ที่ถูกปลูกฝังมาอย่างยาวนาน ไหลไปกับกระแสของการเปลี่ยนแปลง เหมือนโลกมายาที่บดบัง มโนภาพแห่งการรับรู้ ดั่งบทละครในความฝัน ที่ตื่นขึ้นมาแล้วได้พบว่าทุกวันยังคงเหมือนเดิม
ในงานจิตรกรรมชุดนี้จึงได้สร้างโลกอีกใบจำลองขึ้นมาทับซ้อนกับบริบทของความจริง เพื่อหลีกหนีภาพของความจำเจ มุมมองแบบเดิม รูปสัญลักษณ์ภายในภาพมีความหมายที่มีนัยยะแบบเดียวกับโลกคู่ขนานที่ทุกคนดำรงอยู่ เป็นโลกในจินตนาการไร้เดียงสาแต่ไม่ได้เพ้อฝันที่ถูกสมมุติขึ้นมา เสมือนการหลุดพ้นจากความจริง เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงทัศนคติที่มีต่อภาพมายาในโลกปัจจุบัน “
.
Artist Statement
“Everyday life is a slow-motion. Every situation and surrounding are as we see. Habit make life passes with emptiness, losing imagination, circling in the same environment. Any perceptions and situations come from social beliefs which are framed by social rules. It is adhered to old beliefs that have been implanted for a long time, like an illusion and conception which obscure the reality, like drama in a dream that when you wake up, everything stays the same.
In this painting series, the artist created another imaginary world overlapping with the true context in order to get away from the same old perspectives. Symbols that appear in the paintings have the implication in the same way as a parallel world which everyone lives in. It is a world in imagination which is naive but not fantasy that take us out of the reality, to reflect our attitude toward conception of the world we live in today.
เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด19
ขอให้ผู้ชมทุกท่านลงทะเบียน
สวมหน้ากากอนามัย รักษาระยะห่างระหว่างเข้าชมอย่างเคร่งครัด โดยจะมีเจ้าหน้าที่ประจำแกลเลอรี่ดูแลให้รายละเอียดของนิทรรศการ
เวลาทำการของ Joyman Gallery
วันอังคาร – อาทิตย์ : 11.00-19.00 น.
*วันจันทร์จะเป็นการนัดหมายล่วงหน้าเท่านั้น
มีความสุข ผ่อนคลายกับงานศิลปะ
รักษาสุขภาพกายและใจไปพร้อมกันนะคะ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : 065 124 2222
.
Due to the Covid-19 pandemic,
“ Art always heals your heart “.
In the serious situation right now,
Joyman Gallery still prepares the space for all visitors to explore the art as always.
OPENING HOURS
-Tuesday – Sunday at 11.00-19.00
– Monday: by appointment only.
** IMPORTANT
– Please register before entry the gallery.
Wear mask all the time.
– Wash your hands and keep distancing.
Stay healthy and safe.